ข้าวหมากสมุนไพร ภูมิปัญญาสร้างรวย

| 2553-08-26 | |
"การผลิตข้าวหมากขายส่งให้กับลูกค้าประจำที่นำไปจำหน่ายอีกทอด ต่อสัปดาห์คุณประวิตรใช้ข้าวเหนียวสำหรับทำข้าวหมากสูงราว 100 กิโลกรัม

และข้าวเหนียวสำหรับทำขนมข้าวหลามตัดอีกราว 40 กิโลกรัมต่อสัปดาห์ คิดเป็นต้นทุนทั้งหมดต่อเดือนราว 40,000 บาท แต่เมื่อขายเป็นเม็ดเงินหักต้นทุนได้กำไรสุทธิอยู่ที่ประมาณเดือนละ 120,000 บาท"

ใครเคยรับประทานเมนูไทยแท้ชนิดหนึ่ง ทำจากข้าวเหนียว หมักได้ที่ รสชาติออกหวาน เป็นรสหวานที่ได้จากน้ำตาลซึ่งเกิดขึ้นโดยการหมักยีสต์อันเป็นส่วนผสมที่สำคัญในเมนูนี้

ที่เอ่ยถึงเป็นเมนูที่เรียกว่า "ข้าวหมาก" อันเป็นอาหารไทยที่มีมาแต่นมนาน สร้างขึ้นด้วยภูมิปัญญาชาวบ้าน มีส่วนผสมของยีสต์ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมนุษย์ มีธาตุสังกะสีมาก ซึ่งคุณประโยชน์ของสังกะสีช่วยในการบำรุงเลือด ผิวพรรณสดใส ลดการเป็นสิวฝ้า โดยสมัยโบราณนิยมให้ "เด็ก" รับประทาน เพื่อส่งเสริมการเจริญอาหารในเด็กได้ด้วย

ภูมิปัญญาแต่ดั้งเดิมดีๆ เช่นนี้ หากต้องการรับประทานจัดเป็นเมนูที่หารับประทานได้ยาก มีจำหน่ายในบางจุดบางแห่ง แต่ที่สำคัญทราบได้หรือไม่อย่างไรว่าเป็นข้าวหมากที่ผลิตขึ้นโดยสมุนไพรแท้เช่นเดียวกับส่วนผสมในตำรับโบราณ เพราะปัจจุบันหลายต่อหลายครั้งที่สอบถามผู้ที่รับประทานข้าวหมากในปัจจุบัน เกือบทั้งหมดตอบถึงรสชาติเป็นเสียงเดียวกันว่า กลิ่นและรสชาติคล้ายแอลกอฮอล์ ทำให้ไม่ทราบว่ารสชาติที่แท้จริงของข้าวหมากโบราณเป็นอย่างไร

ใช้ลูกแป้งสมุนไพรแท้

พลิกสูตรข้าวหมากเอง

คุณประวิตร โพธิ์ทอง ชายวัย 40 ปีเศษ ช่วยให้คำตอบเรื่องของรสชาติข้าวหมาก จากประสบการณ์และความชอบเป็นการส่วนตัวในการรับประทานข้าวหมาก โดยบอกกับเราว่า รสชาติดั้งเดิมของข้าวหมากที่แท้จริง จะต้องไม่เปรี้ยว ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เมื่อรับประทานแล้วจะเกิดรสหวานติดลิ้น และไม่ทำให้เกิดอาการมึนเมา ซึ่งคุณประโยชน์ที่สำคัญมีมากมายหากรับประทานข้าวหมากแท้ แต่ปัจจุบันที่วางจำหน่ายหรือหาบเร่ขายเกือบทั้งหมดผลิตโดยมีส่วนผสมของ "สาโท" ซึ่งมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ทำให้ข้าวหมากมีรสชาติหวานอมเปรี้ยว และผู้รับประทานบางรายเกิดอาการมึนเมา แต่ข้าวหมากแท้ในปัจจุบันหารับประทานได้ยาก ทำให้ความรู้จักในกลุ่มวัยรุ่นไม่แพร่หลาย ผู้ที่รู้จักและรับประทานข้าวหมากเป็นมีเพียงกลุ่มวัยทำงาน วัยกลางคน และผู้สูงอายุเท่านั้น

ที่ให้คุณประวิตรเป็นผู้ให้คำตอบเรื่องของข้าวหมาก เพราะชื่อ "ข้าวหมากสมุนไพร คุณประวิตร" เป็นที่รู้จักคุ้นเคยในหมู่ผู้สรรหาข้าวหมากสมุนไพรแท้ตามแบบฉบับโบราณมารับประทาน เพราะคุณประวิตรเคยเป็นผู้ขายข้าวหมากสมุนไพรหมุนเวียนในตลาดนัด 2 แห่ง ในกรุงเทพมหานคร เพราะความแท้ของข้าวหมากทำให้การเติบโตในทางธุรกิจของข้าวหมากสมุนไพรของเขา เติบโตแบบก้าวกระโดด เพราะเพียงไม่กี่เดือนหลังขายปลีก มีลูกค้าติดต่อขอซื้อในราคาส่ง เพื่อนำไปจำหน่ายต่ออีกทอด ทำให้ปัจจุบันหลังเริ่มกิจการเพียง 1 ปีเศษ คุณประวิตรผันตัวเองเป็นผู้ผลิตเพื่อจำหน่ายส่งเพียงอย่างเดียว เหตุผลหนึ่งคือ การออกขายข้าวหมากด้วยตนเองทำให้เสียเวลาในการทำข้าวหมาก อีกทั้งแรงงานที่ทำข้าวหมากมีเพียง 3 ชีวิตเท่านั้น

คุณประวิตร เล่าว่า เพราะในสมัยเด็กเขาชื่นชอบการรับประทานข้าวหมากเป็นชีวิตจิตใจ ภายหลังเมื่อก้าวสู่ชีวิตวัยทำงาน กลับหวนนึกถึงรสชาติข้าวหมาก ต่อเมื่อมีพ่อค้าหาบเร่นำมาขาย เมื่อซื้อรับประทานจึงทราบว่าไม่ใช่ข้าวหมากแท้ เป็นการผสมด้วยแอลกอฮอล์หรือสาโททำให้เกิดรสชาติของการหมักมากกว่า ตรงนี้เองเป็นประกายที่ทำให้คุณประวิตรคิดผลิตข้าวหมากสมุนไพรขึ้นเอง เพื่อให้ตนเองได้รับประทานข้าวหมากโบราณแท้ และเพื่อให้ผู้ที่ต้องการรับประทานข้าวหมากดั้งเดิมได้ลิ้มชิมรสด้วย

"ผมติดต่อญาติที่จังหวัดจันทบุรี ขอให้ทำลูกแป้งสมุนไพร ซึ่งเป็นส่วนผสมหลักที่สำคัญที่ทำให้ข้าวเหนียวกลายเป็นข้าวหมาก เพราะจำได้ว่าการทำลูกแป้งต้องอาศัยความรู้ความชำนาญในการทำของคนสมัยก่อน ซึ่งลูกแป้งมีส่วนผสมของสมุนไพรหลายชนิดในสัดส่วนที่พอเหมาะ เมื่อได้ลูกแป้งมาแล้ว กรรมวิธีการทำข้าวหมาก ผมศึกษาด้วยตนเองจากหนังสือและทดลองทำ นำไปให้เพื่อนๆ และคนรู้จักรับประทาน ผลออกมาปรากฏว่า ทุกคนบอกว่า รสชาติดี อร่อย ไม่เหมือนข้าวหมากทั่วไป"

มั่นใจขายได้-รสชาติดี

เลือกพันธุ์ข้าวเหนียว "เขี้ยวงู"

คุณประวิตรพกความมั่นใจมาเต็มกระเป๋า เมื่อได้ลูกแป้งสมุนไพรและสูตรข้าวหมากที่ทดลองทำแล้วได้รับการตอบรับที่ดี จึงเริ่มมองตลาดและออกสำรวจแหล่งวัตถุดิบ โดยวัตถุดิบที่สำคัญและใช้ในปริมาณมาก คือ ใบตอง และ ข้าวเหนียว ท้ายที่สุดใบตองได้แหล่งซื้อในราคาไม่สูงนัก ส่วนข้าวเหนียว คุณประวิตรบอกอย่างไม่ปิดบังว่า ใช้ข้าวเหนียวพันธุ์เขี้ยวงู เพราะเป็นข้าวเหนียวพันธุ์ดี ไม่เละ มีความเหนียวนุ่ม สีนวลสวย แม้ราคาสูงพอสมควรแต่คุณประวิตรก็เลือกใช้ และทั้งหมดทำให้คุณประวิตรตั้งมั่นว่าจะทำออกขาย

ลองทำเลครั้งแรกได้ทำเลบริเวณตลาดนัดสมบัติพัฒนา ซอยอารีย์สัมพันธ์ เป็นแผงเช่าเล็กๆ ขนาด 1 ตารางเมตร ค่าเช่าวันละ 200 บาท ขายเฉพาะวันศุกร์ ระหว่างเวลา 11.00-13.00 น. และอีกทำเลเป็นแผงค้าเล็กๆ ในตลาดรวมยาง ย่านธนาคารแห่งประเทศไทย ขายเฉพาะวันอังคาร ช่วงเวลากลางวันเช่นกัน วางแผงวันแรกคุณประวิตรทำข้าวหมากไปจำนวน 200 ห่อ มีทั้งห่อใบตองและใส่ถุงพลาสติคเย็บปิดปากถุงอย่างดี ขายที่ 25 บาทต่อถุง ประดับด้วยดอกกล้วยไม้ แสดงให้เห็นถึงความเป็นไทย ทั้งยังทำขนมข้าวหลามตัดไปวางขาย ที่อดีตผู้นิยมรับประทานข้าวหมากจะรับประทานข้าวหลามตัดควบคู่ไปด้วยอีก 1 ถาด ราคาขายอยู่ที่ 10 บาทต่อห่อ

ไม่น่าเชื่อว่า ประเดิมการขายครั้งแรก คุณประวิตรขายข้าวหมากหมดภายใน 4 ชั่วโมง เก็บแผงได้ตั้งแต่ยังไม่เที่ยง ก่อนผู้ค้าคนอื่นในตลาดทั้งหมด คิดต้นทุนกำไรแล้ว ได้กำไรสุทธิครั้งนั้นประมาณ 3,000 บาท

เมื่อถามถึงจุดขาย คุณประวิตรแน่ใจได้ว่า เพราะข้าวหมากของเขาเป็นของโบราณแท้ ทำจากสมุนไพรซึ่งเป็นส่วนผสมที่มีในลูกแป้ง และกรรมวิธีการผลิตข้าวหมากที่ระมัดระวังให้ได้รสชาติและคุณภาพอย่างดี ทำให้สินค้าขายหมดอย่างรวดเร็ว และในบางคราวคุณประวิตรพอมีเวลาเหลือจากการทำข้าวหมาก ทำน้ำข้าวหมากขาย เพราะทุกการหมักข้าวเหนียวจำนวน 1 กิโลกรัม จะได้น้ำข้าวหมากประมาณ 750 มิลลิลิตร คุณประโยชน์ของน้ำข้าวหมากสามารถนำไปปรุงอาหารแทนเครื่องปรุงอื่นได้ หรือในบางครั้งคุณประวิตรนำข้าวหมากมาตำละเอียดเป็นส่วนผสมทำข้าวหมากกุ้งหลน ขายในราคากระปุกละ 80 บาท เป็นการเพิ่มรายได้โดยไม่ต้องเพิ่มต้นทุน


ดันขายส่ง คุมการผลิต

เม็ดเงินเกินแสนต่อเดือน

จากการขายในตลาดนัด 2 แห่ง ซึ่งมีจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกค้าประจำ และมีขาจรที่บางรายเดินทางไกลจากต่างจังหวัดเพื่อขอซื้อข้าวหมาก คุณประวิตรจึงขยายทำเลออกไปในตลาดนัดอีก 3 แห่ง ในวันจันทร์ พุธ และพฤหัสบดี รวมขาย 5 วันต่อสัปดาห์ ในตลาดนัดที่ไม่ซ้ำกัน

แต่หลังจากวางขายได้ราว 6 เดือน คุณประวิตรเริ่มประสบปัญหาการผลิต แม้จะรายได้ดี แต่การออกเร่ขายด้วยตนเองตลอดทั้ง 5 วัน ทำให้ภาคการผลิตใน 5 วันตกเป็นหน้าที่ของแม่และภรรยา ซึ่งแม้คุณประวิตรจะถ่ายทอดสูตรการทำข้าวหมากให้ แต่ขั้นตอนการห่อใบตองและเก็บใส่ถุงพลาสติคยังต้องใช้แรงงานที่มากกว่านี้ ประกอบกับมีผู้สนใจติดต่อขอซื้อจำนวนมากในราคาขายส่ง เพื่อนำไปจำหน่ายต่อ คุณประวิตรเห็นช่องทางจึงตัดสินใจเลิกเร่ขายในตลาดนัดทั้ง 5 แห่งของสัปดาห์ และผลิตส่งให้กับลูกค้าเพียง 2 รายที่ขายในตลาดรวมยางและตลาดสมบัติพัฒนาแทน

ทุกวันนี้ การผลิตข้าวหมากขายส่งให้กับลูกค้าประจำที่นำไปจำหน่ายอีกทอด ต่อสัปดาห์ คุณประวิตรใช้ข้าวเหนียวสำหรับทำข้าวหมากสูงราว 100 กิโลกรัม และข้าวเหนียวสำหรับทำขนมข้าวหลามตัดอีกราว 40 กิโลกรัมต่อสัปดาห์ คิดเป็นต้นทุนทั้งหมดต่อเดือนราว 40,000 บาท แต่เมื่อขายเป็นเม็ดเงินหักต้นทุนได้กำไรสุทธิอยู่ที่ประมาณเดือนละ 120,000 บาท

"ข้าวหมากโบราณแท้รับประกันได้ว่า เป็นต้นตำรับที่ทำจากลูกแป้งสมุนไพรจริง ปัจจุบันทำขายมานานราวปีเศษ มีคนติดต่อขอให้สอนวิธีการทำข้าวหมาก จึงเปิดสอนให้กับผู้สนใจในราคาเพียง 4,500 บาท บอกขั้นตอนและเคล็ดลับทั้งหมดให้ ยกเว้นลูกแป้งข้าวหมาก โดยหากผู้เรียนจะนำไปผลิตขายขอให้ซื้อลูกแป้งข้าวหมากจากผมเท่านั้น ซึ่งที่ผ่านมามีคนมาเรียนและกลับไปทำขายมีรายได้เลี้ยงชีพแล้ว 1-2 ราย"

คุณประวิตรวางอนาคตข้าวหมากสมุนไพรไว้อย่างคร่าวๆ โดยเล็งเปิดหน้าร้านเป็นของตนเอง 1 แห่ง และมีรถเคลื่อนที่ขายข้าวหมากสมุนไพรอีกจำนวนหนึ่ง เพื่อเป็นการขายตรงถึงผู้บริโภค ไม่ผ่านการขายส่งเหมือนทุกวันนี้ อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นคงต้องเพิ่มแรงงานภาคการผลิต และปรับเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์จากใบตองเป็นบรรจุภัณฑ์ประเภทอื่น เพื่อตัดปัญหาใบตองขาดแคลนที่อาจเกิดขึ้นได้อนาคต

ช่วงท้ายคุณประวิตรฝากถึงผู้ที่นิยมชมชอบข้าวหมากสมุนไพรของแท้ หากต้องการสั่งในปริมาณมาก ขอให้แจ้งล่วงหน้า เพราะการผลิตข้าวหมากต้องใช้เวลานานถึง 2 วัน หรือหากต้องการสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับข้าวหมากสมุนไพรของเขา คุณประวิตรยินดีตอบในทุกข้อซักถาม


ข้อมูลจำเพาะ

กิจการ ผลิตและจำหน่ายข้าวหมากสมุนไพร

ชื่อกิจการ ข้าวหมากสมุนไพร คุณประวิตร

ลักษณะกิจการ เจ้าของคนเดียว

เจ้าของกิจการ คุณประวิตร โพธิ์ทอง

เงินลงทุน หลักพันถึงหลักหมื่นบาท ขึ้นกับจำนวนการผลิต

วัตถุดิบหลัก ลูกแป้งข้าวหมาก ข้าวเหนียว ใบตอง

รูปแบบการขาย ขายส่ง

แหล่งซื้อวัตถุดิบ เฉพาะลูกแป้งสั่งตรงจากจังหวัดจันทบุรี

ทำเล ตลาด หรือแหล่งชุมชน

รายจ่ายซื้อวัตถุดิบต่อเดือน 40,000-45,000 บาท

พนักงาน 3 คน

รายได้ต่อเดือน 100,000-120,000 บาท

ยอดการผลิต ข้าวเหนียว 140 กิโลกรัมต่อสัปดาห์

จุดเด่นของสินค้า ข้าวหมากสมุนไพรโบราณแท้

สถานที่ตั้ง เลขที่ 72/115 หมู่บ้านพระปิ่น 2 ถนนศาลาธรรมสพน์ แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ

โทรศัพท์ (081) 830-4447 และ (082) 290-3959

ข้อมูล เส้นทางเศรษฐี
ภาพประกอบ จากอินเตอร์เน็ต

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น


มุมมองของชีวิต

Blog Archive