"ปารณีย์ โฮลี่สวีท" ขนมบูชาพระพิฆเนศ ธุรกิจจากความเชื่อ ขายดีด้วยแรงศรัทธา

| 2553-08-27 | |
"โอกาสในการขาย รวมถึงที่มาของรายได้"
คุณมงกุฎ บอกว่า วันธรรมดาผู้ที่ศรัทธาองค์เทพดังกล่าวมักจะสักการะขอพรตามปกติ วันขายดีเป็นพิเศษเป็นวันฤกษ์ดี อาทิ มหาทรัพย์จะบูชาเดือนละ 1-2ั้ครั้งั้เทศกาลคเณศจตุรถีหรือวันคล้ายวันประสูติพระพิฆเนศั้ซึ่งจัดขึ้นทุกปี รวมถึงมีผู้บูชาด้วยเหตุผลทางการค้า หรือ เหตุผลส่วนตัวั้เช่นั้เปิดบริษัทใหม่ เปิดกล้องถ่ายทำภาพยนตร์-ละคร การแก้บน ขอพรต่างๆ ฯลฯ บ่งบอกว่าขนมนี้มีโอกาสขายได้ทุกวัน"

ความเชื่อ และแรงศรัทธาของคนนำพาให้เกิดธุรกิจหลายต่อหลายอย่าง บ้างล้มหายตายจากไป บ้างก็อยู่รอด หรือบางทีเติบโตชนิดสวนกระแสเศรษฐกิจแบบสุดๆ

มีหนึ่งธุรกิจที่เกิดจากความศรัทธา และเชื่อในบารมีขององค์พระพิฆเนศ นั่นคือ การทำขนมสำหรับบูชาเทพองค์ดังกล่าว ซึ่งระยะเวลาเพียง 1 ปี กิจการรุ่งเรือง มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของคนในแวดวงทำขนมบูชาเทพ นับว่าเป็นหนทางสร้างรายได้ที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว
หยิบตำนานขนม ทำธุรกิจ

กระแสตอบรับดีเกินคาด

คุณมงกุฎ สิงหนันท์ แฟนหนุ่มฐานะหุ้นส่วนกิจการ เล่าว่า คุณปารณีย์ ภิญโญทรัพย์ หรือ คุณกี้ แฟนสาว ก่อนหน้านี้ทำมาแล้วหลายอาชีพ ล่าสุด เปิดร้านเสริมสวยก็ไม่ประสบความสำเร็จ เลยหันหน้าเข้าวัดไปถือศีลระยะหนึ่ง ในช่วงเวลาดังกล่าวปรึกษาหารือกัน จนลงตัวว่าจะทำขนมใช้สำหรับบูชาพระพิฆเนศ แต่ต้องเป็นขนมโมทะกะ และขนมลาดูเท่านั้น เลยไปร่ำเรียนกับผู้รู้ ด้วยศรัทธาอันแรงกล้าทำให้ใช้เวลาฝึกฝนไม่นาน สามารถทำขนมในตำนานออกมาได้สำเร็จ

ทำไมต้องเป็นขนมสำหรับบูชาองค์พระพิฆเนศ แถมเฉพาะขนมโมทะกะ และขนมลาดู คุณมงกุฎ แสดงทัศนคติว่า นับถือองค์เทพดังกล่าวเป็นการส่วนตัว ส่วนสาเหตุที่เลือกขนม 2 ชนิดนี้ มาจากความฝันของแฟนสาวที่ได้ไปเห็นกรรมวิธีการทำ อีกทั้งตามตำนานแห่งพราหมณ์ และฮินดูเชื่อกันว่า ขนมโมทะกะ และขนมลาดู คือ สุดยอดขนมที่องค์พระพิฆเนศโปรดปรานมากที่สุด ที่สำคัญ แม้แต่ย่านอินเดียทาวน์ ถนนพาหุรัด วัดแขกที่สีลม ย่านเสาชิงช้า ที่ว่าเป็นแหล่งขายขนมบูชายังไม่มีจำหน่าย เลยนับว่าเป็นการเปิดตัวที่ดี

ภายหลังไปร่ำเรียนกับอาจารย์ท่านหนึ่ง จนได้สูตรขนมมงคล 2 ชนิดนี้มา คุณกี้ทำขายภายใต้แบรนด์ "ปารณีย์ โฮลี่สวีท" เจ้าของกิจการ บอกว่า เน้นลูกค้าเฉพาะกลุ่ม สักพักเริ่มได้รับความนิยม โดยลูกค้าเก่าหวนกลับมาซื้อ รวมถึงบอกต่อ ทำให้มีลูกค้าหน้าใหม่ สุดท้ายกลายเป็นลูกค้าขาประจำ วางขายครั้งแรกเดือนพฤษภาคม 2552 ราวเดือนสิงหาคมยอดขายเพิ่มขึ้น 10 เท่าตัว

ราวกับว่าความต้องการในตลาดนั้นมีอยู่แล้ว เพราะไม่ว่ายุคสมัยใดผู้คนต่างให้ความเคารพและศรัทธาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ยิ่งเป็นขนมมงคลที่หาซื้อยาก ลูกค้าจึงไม่ปฏิเสธ "ขนมโมทะกะ และขนมลาดู ที่ทางร้านทำถูกต้องตามแบบฉบับโบราณทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นส่วนผสม หรือกรรมวิธีการผลิต ใช้วัตถุดิบอย่างดี อาทิ เนย แป้งเบซาน น้ำมันเนย นำเข้าจากประเทศอินเดียซึ่งขนมโมทะกะ ภายนอกมีสีขาว ทรงกลม ยอดแหลม ด้านในมีไส้ รสชาติหวานกำลังดี ส่วนขนมลาดู เป็นขนมทรงกลม บรรจงปั้นด้วยมือ ทำจากแป้งถั่วชนิดพิเศษ สีออกเหลืองๆ ข้างนอกจะแข็งกว่าข้างในเล็กน้อย รสชาติไม่หวานจัด ที่สำคัญ ไม่ใส่วัตถุกันเสีย"

ผลการตอบรับจากการขายลูกค้าเฉพาะกลุ่ม ถูกบอกเล่าปากต่อปากกระทั่งขยายไปยังผู้ที่ศรัทธาทั่วไป ส่งผลให้ขนม 2 ชนิดนี้ ยอดขายเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว แต่ด้วยข้อจำกัดอายุของขนมโมทะกะที่สั้นเพียง 3 วัน ถือเป็นจุดอ่อนเวลาส่งลูกค้าต่างจังหวัด ประกอบกับให้ผู้ที่สนใจร่วมทำธุรกิจ คุณมงกุฎเลยหันมาเปิดรับตัวแทนจำหน่าย รวมถึงเข้าสู่ระบบแฟรนไชส์
ขยายกิจการเป็น 2 ระบบ

ตัวแทนจำหน่าย-แฟรนไชส์

นอกจากตัวแทนจำหน่ายที่สามารถเข้ามารับขนมไปจำหน่ายเฉพาะเทศกาล ยังมีแฟรนไชส์ 3 รูปแบบ คือ Mini shop ใช้เงินลงทุน 50,000 บาท ได้สิทธิ์การขายขนมลาดูและขนมโมทะกะ โดยรับขนมในราคาส่ง กล่องละ 125 บาท ไม่รวมค่าจัดส่ง สามารถนำไปจำหน่ายต่อ โดยขนมลาดูจำหน่ายต่อในราคากล่องละ 349 บาท ได้กำไรกล่องละ 224 บาท ขนมโมทะกะจำหน่ายกล่องละ 549 บาท ได้กำไรกล่องละ 424 บาท

รูปแบบที่ 2 Remote shop ใช้เงินลงทุน 75,000 บาท ได้สิทธิ์การขายขนมลาดู พร้อมอบรมการทำขนมโมทะกะ ได้อุปกรณ์การทำทั้งหมด และวัตถุดิบจำนวนหนึ่ง สุดท้าย Perfect shop หรือเปิดร้านเต็มรูปแบบ ใช้เงินลงทุน 150,000 บาท ใช้พื้นที่ 16 ตารางเมตร ทางบริษัทจะเข้าไปตกแต่งร้านให้ ให้อุปกรณ์และสอนทำขนมโมทะกะ พร้อมทั้งอนุญาตให้ขายสินค้าอื่นที่เกี่ยวเนื่อง อาทิ เทวรูป เครื่องหอม หนังสือซีดีดีวีดีภาพยนตร์เกี่ยวกับตำนานมหาเทพั้เว้นแต่ห้ามขายขนมชนิดอื่น และต้องรับวัตถุดิบบางอย่างกับต้นสังกัด ซึ่งทุกรูปแบบการลงทุน ทางบริษัทจะช่วยทำสื่อประชาสัมพันธ์ให้ ไม่เสียค่าใช้จ่าย

สำหรับโอกาสในการขาย รวมถึงที่มาของรายได้ คุณมงกุฎ บอกว่า วันธรรมดาผู้ที่ศรัทธาองค์เทพดังกล่าวมักจะสักการะขอพรตามปกติ วันขายดีเป็นพิเศษเป็นวันฤกษ์ดี อาทิ มหาทรัพย์จะบูชาเดือนละ 1-2ั้ครั้งั้เทศกาลคเณศจตุรถีหรือวันคล้ายวันประสูติพระพิฆเนศั้ซึ่งจัดขึ้นทุกปี รวมถึงมีผู้บูชาด้วยเหตุผลทางการค้า หรือเหตุผลส่วนตัวั้เช่นั้เปิดบริษัทใหม่ เปิดกล้องถ่ายทำภาพยนตร์-ละคร การแก้บน ขอพรต่างๆ ฯลฯ บ่งบอกว่าขนมนี้มีโอกาสขายได้ทุกวัน

ในด้านการตรวจสอบคุณภาพสินค้า ฐานะเจ้าของแฟรนไชส์ มีวิธีจัดการอย่างไร ได้คำตอบว่า จะใช้วิธีสุ่มซื้อ หากพบว่ามีเครือข่ายผลิตขนมไม่ตรงตามสูตร ไม่ได้มาตรฐาน หรือไม่จำหน่ายในราคาที่ได้กำหนดไว้ นั่นคือ ขนมโมทะกะ จำหน่ายราคากล่องละ 549 บาท ขนมลาดู 349 บาท จะว่ากล่าวตักเตือน หากยังไม่แก้ไข จะยึดสิทธิ์การเป็นตัวแทนจำหน่ายทันที

นอกจากขนมมงคล จะอาศัยความเชื่อ และแรงศรัทธาของผู้ซื้อแล้ว คุณมงกุฎ ระบุ หัวใจสำคัญของกิจการดังกล่าว ต้องอาศัยคุณธรรมและจริยธรรมควบคู่ ฉะนั้น ตัวแทนจำหน่ายหรือผู้ที่สนใจ ต้องประพฤติปฏิบัติตัวดี ไม่เบียดเบียนผู้อื่น เชื่อว่าจะส่งเสริมให้กิจการยั่งยืนและเติบโตได้
ขายดี ยอดไม่ตก

ไอเดียนี้ ต่อยอดได้

แม้กิจการเล็กๆ จะเปิดมาได้ปีเศษ แต่มีผู้สนใจ รวมถึงให้การยอมรับไม่น้อย วัดจากจำนวนแฟรนไชส์ที่กระจายไปทั่วประเทศ ทั้งสิ้น 12 สาขา อาทิ นนทบุรี ชลบุรี สุราษฎร์ธานี สระบุรี นครราชสีมา พิษณุโลก สมุทรปราการ ปทุมธานี ฉะเชิงเทรา เชียงใหม่ กรุงเทพฯ นับว่าขนมดังกล่าวจะเป็นตัวอย่างให้ขนมอื่นในตำนานได้แจ้งเกิดเลยทีเดียว

ในส่วนของคู่แข่ง คุณมงกุฎ บอกว่า ปัจจุบันเท่าที่สำรวจยังไม่มีใครทำขนมโมทะกะ เลยถือว่าเป็นเจ้าแรก ส่วนขนมลาดู ตามท้องตลาดมีวางจำหน่ายกันมาก แต่จุดแข็งของแบรนด์ ปารณีย์ โฮลี่สวีท อยู่ที่การเลือกใช้วัตถุดิบอย่างดี นำเข้าจากประเทศอินเดีย กระบวนการผลิตทุกขั้นตอนปฏิบัติถูกต้องตามตำนาน แต่หากวันหนึ่งมีผู้ศึกษาและทำตาม จะครองความเป็นเบอร์หนึ่งด้วยคุณภาพ รักษาฐานลูกค้าให้ยั่งยืนด้วยมิตรภาพ การบริการ รวมถึงแผนการใช้สื่อประชาสัมพันธ์ทุกรูปแบบ

ทุกวันนี้ทางด้านยอดขาย เจ้าของสินค้า ระบุว่า แต่ละเดือนจะส่งขนมให้กับตัวแทนจำหน่าย และแฟรนไชส์ทั้ง 12 สาขา รวมทั้งสิ้น 600 กล่องสินค้า หรือเฉลี่ยเป็นชิ้นขนมประมาณเกือบ 5,000 ชิ้น คิดมูลค่าหลายหมื่นบาทเลยทีเดียว

ในอนาคต ฐานะผู้บริโภคอาจจะได้เห็นขนมมงคลอันหลากหลาย ล้วนแล้วมีประวัติความเป็นมา ภายใต้แบรนด์ "ปารณีย์ โฮลี่สวีท" นับว่าเป็นการตลาดที่น่าสนใจ เพราะใช้เรื่องเล่าและความศรัทธาเป็นจุดขาย ถือว่าเป็นช่องทางทำรายได้ที่ไม่ควรมองข้ามเลยทีเดียวใครสนใจจะซื้อขนมพระพิฆเนศไปบูชา หรือคิดที่จะร่วมธุรกิจ ติดต่อ คุณมงกุฎ และคุณปารณีย์ หรือ คุณกี้ โทรศัพท์ (089) 769-4220, (087) 683-3358, (086) 784-1824 หรือ www.paraneeholysweet.com

ข้อมูลจำเพาะ

กิจการ ผลิตและจำหน่ายขนมโมทะกะ และขนมลาดู

ลักษณะกิจการ ครอบครัว

ยี่ห้อ ปารณีย์ โฮลี่สวีท

เจ้าของกิจการ คุณปารณีย์ ภิญโญทรัพย์

เงินลงทุนเบื้องต้น หลักหมื่นบาท

ที่มาของกิจการ เกิดจากความศรัทธาองค์พระพิฆเนศ และมองเห็นช่องว่างว่า ในตลาดขนมบูชา ยังไม่มีขนมโมทะกะจำหน่าย

จุดเด่น เป็นขนมที่ถูกถอดแบบ สูตร และกรรมวิธีการทำที่ถูกต้องจากในตำนาน คนทั่วไปให้การยอมรับ

แหล่งซื้อวัตถุดิบ ในประเทศ และบางส่วนนำเข้าจากประเทศอินเดีย

รูปแบบการจัดจำหน่าย ขายปลีก ตัวแทนจำหน่าย และแฟรนไชส์

ยอดขาย รวมทั้งสิ้น 600 กล่องสินค้า หรือเฉลี่ยเป็นชิ้นขนมประมาณเกือบ 5,000 ชิ้น

ราคาขาย ขนมโมทะกะ 5 ลูก ราคากล่องละ 549 บาท ขนมลาดู 9 ลูก ราคากล่องละ 349 บาท
สถานที่ผลิต ที่พักอาศัย
โทรศัพท์ (089) 769-4220, (087) 683-3358, (086) 784-1824
เว็บไซต์ http://www.paraneeholysweet.com

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น


มุมมองของชีวิต

Blog Archive